Author: Sara Grant

การรับมือเมื่อฝุ่นpm2.5ระบาด

การรับมือเมื่อฝุ่นpm2.5ระบาด

ต่อไปนี้คือการดำเนินการบางอย่างที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันตัวเองเมื่อระดับฝุ่น PM2.5 สูง

1.ตรวจสอบคุณภาพอากาศ

-ตรวจสอบดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI): ซึ่งจะบอกคุณว่ามลพิษ PM2.5 มีความรุนแรงเพียงใด คุณสามารถค้นหา AQI สำหรับพื้นที่ของคุณได้ทางออนไลน์หรือผ่านแอปมือถือ

2.จำกัดกิจกรรมกลางแจ้ง

-อยู่ในบ้านถ้าเป็นไปได้: นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการสูดดมอนุภาค PM2.5

-ลดกิจกรรมกลางแจ้ง: หากคุณต้องออกไปข้างนอก ให้จำกัดเวลานอกบ้าน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีมลพิษสูงสุด (โดยปกติจะเป็นช่วงเช้าและเย็น) เด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

3.ป้องกันตัวเองกลางแจ้ง

-สวมหน้ากาก: หน้ากาก N95 หรือ KN95 จะช่วยกรองอนุภาค PM2.5

-พิจารณาการป้องกันดวงตา: ฝุ่น PM2.5 อาจทำให้ดวงตาของคุณระคายเคืองได้ การสวมแว่นกันแดดหรือแว่นตาก็ช่วยได้

4.ปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร

-ปิดหน้าต่างและประตูไว้: วิธีนี้จะช่วยป้องกันมลภาวะภายนอกไม่ให้เข้ามาในบ้านของคุณ

-ใช้เครื่องฟอกอากาศ: เครื่องฟอกอากาศที่มีตัวกรอง HEPA สามารถกำจัดอนุภาค PM2.5 ออกจากอากาศภายในอาคารได้

-ปรับปรุงการระบายอากาศ: หาก AQI อนุญาตและปลอดภัย ให้เปิดหน้าต่างและใช้พัดลมเพื่อให้อากาศภายนอกสะอาดขึ้น

เคล็ดลับอื่นๆ

-บรรเทาอาการระคายเคืองตา: น้ำตาเทียมสามารถช่วยบรรเทาอาการไม่สบายตาที่เกิดจาก PM2.5 ได้

-ไปพบแพทย์: หากคุณหายใจลำบาก แน่นหน้าอก หรือไอ ให้ไปพบแพทย์ทันที

คุณสามารถช่วยป้องกันตัวเองจากอันตรายจากฝุ่น PM2.5 ได้โดยการปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้

การทานผักผลไม้เพื่อสุขภาพ

การทานผักผลไม้เพื่อสุขภาพ

การทานผักผลไม้เป็นประจำนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างมากมาย ดังนี้

1. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

ผักผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเอ สังกะสี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ

2. ย่อยอาหารดีขึ้น

ผักผลไม้มีใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันอาการท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ

3. ควบคุมน้ำหนัก

ผักผลไม้มีแคลอรี่ต่ำ ไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มท้องนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

4. ผิวพรรณสดใส

ผักผลไม้มีวิตามินซี วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง ชะลอวัย

5. ป้องกันโรคเรื้อรัง

การทานผักผลไม้เป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน

คำแนะนำในการทานผักผลไม้

-ทานผักผลไม้ให้หลากหลายชนิด หลากสีสัน อย่างน้อยวันละ 400 กรัม แบ่งเป็นผัก 300 กรัม และผลไม้ 100 กรัม

-เลือกทานผักผลไม้ตามฤดูกาล

-ทานผักผลไม้สด ไม่ผ่านความร้อน จะได้รับสารอาหารครบถ้วน

-ล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนทาน

-ทานผักผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารทุกมื้อ

การทานผักผลไม้เป็นประจำ เป็นวิธีง่ายๆ ในการดูแลสุขภาพ ให้ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสดใส และป้องกันโรคต่างๆ ได้

เรื่องสุขภาพที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

เรื่องสุขภาพที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

แม้ว่าจะมีปัญหาสุขภาพมากมายที่สมควรได้รับความสนใจ ประเด็นสำคัญที่ทุกคนต้องตระหนัก โดยไม่คำนึงถึงอายุ เพศ หรือไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตประจำวัน

1.สุขภาพจิต สุขภาพจิตมีความสำคัญพอๆ กับสุขภาพกาย และการละเลยอาจส่งผลร้ายแรงได้ หากคุณกำลังดิ้นรนกับความวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

2.โรคเรื้อรัง โรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน และมะเร็ง เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและความพิการทั่วโลก สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้และดำเนินการเพื่อลด เช่น การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

3.โรคติดเชื้อ โรคติดเชื้อ เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สิ่งสำคัญคือต้องทำตามขั้นตอนเพื่อป้องกันตัวเองจากโรคเหล่านี้ เช่น การฉีดวัคซีน สุขอนามัยที่ดี และการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

4.มะเร็ง มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ทั่วโลก แต่มะเร็งหลายชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงสัญญาณและอาการของโรคมะเร็งและเข้ารับการตรวจคัดกรองเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์

5.อุบัติเหตุและการบาดเจ็บ อุบัติเหตุและการบาดเจ็บเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและความพิการที่พบบ่อย สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เช่น การขับขี่อย่างปลอดภัย การคาดเข็มขัดนิรภัย และการใช้หมวกกันน็อคเมื่อขี่จักรยานหรือรถจักรยานยนต์

6.การใช้สารเสพติด การใช้สารเสพติด ซึ่งรวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติด อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ ความสัมพันธ์ และการเงินของคุณ หากคุณกำลังดิ้นรนกับการใช้สารเสพติด มีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยให้คุณได้รับการรักษา

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าความต้องการด้านสุขภาพของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ดีที่สุดคือเลือกที่จะปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับข้อกังวลเฉพาะของคุณ และรับคำแนะนำส่วนบุคคลเกี่ยวกับวิธีการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง

อาหารเช้าสำคัญแค่ไหน

อาหารเช้าสำคัญแค่ไหน

อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน เป็นการสลายอาหารอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืนและให้พลังงานและสารอาหารที่จำเป็นแก่ร่างกายเพื่อเริ่มต้นวันใหม่อย่างถูกต้อง

ประโยชน์ของการรับประทานอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ

1.ปรับปรุงพลังงานและโฟกัส การรับประทานอาหารเช้าช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งให้พลังงานและช่วยให้คุณมีสมาธิกับการทำงานหรือการเรียน

2.ควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น การศึกษาพบว่าคนที่กินอาหารเช้ามีโอกาสน้อยที่จะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน เนื่องจากการรับประทานอาหารเช้าช่วยควบคุมความอยากอาหารและป้องกันการกินมากเกินไปในตอนกลางวัน

3.ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง การรับประทานอาหารเช้าเพื่อสุขภาพอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานประเภท 2 และมะเร็งบางชนิด

อาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเด็กและวัยรุ่น ช่วยให้พวกเขาเติบโตและพัฒนาอย่างเหมาะสม และยังสามารถปรับปรุงผลการเรียนของพวกเขาได้อีกด้วย

อาหารเช้าเพื่อสุขภาพควรมีอาหารหลากหลายจากทุกกลุ่มอาหาร ได้แก่

-ธัญพืช ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต และข้าวกล้อง เป็นแหล่งพลังงานและเส้นใยที่ดี

-ผักและผลไม้ ผักและผลไม้มีแคลอรี่ต่ำและมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระสูง

-โปรตีน โปรตีนช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มและอิ่มเอมใจ แหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับมื้อเช้า ได้แก่ ไข่ โยเกิร์ต นม ถั่ว และเมล็ดพืช

ตัวอย่างของอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ

-ข้าวโอ๊ตกับผลเบอร์รี่และถั่ว

-โยเกิร์ตกับผลไม้และกราโนล่า

-ขนมปังโฮลวีตกับอะโวคาโดและไข่

-สมูทตี้ที่ทำจากผลไม้ โยเกิร์ต และนม

-ไข่ต้มกับขนมปังโฮลวีต

หากคุณมีเวลาไม่มากในตอนเช้า ก็ยังมีอาหารเช้าเพื่อสุขภาพให้เลือกมากมาย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถหยิบผลไม้และถั่วสักกำมือติดตัวไปได้ทุกที่ หรือทำสมูทตี้ไว้ล่วงหน้าแล้วดื่มระหว่างเดินทางไปทำงานหรือไปโรงเรียน

ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน สิ่งสำคัญคือต้องแบ่งเวลารับประทานอาหารเช้า เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเดินเท้าเพื่อสุขภาพ

เคล็ดลับสุขภาพที่ดีในเด็กทารก

เคล็ดลับสุขภาพที่ดีในเด็กทารก

เคล็ดลับเพื่อสุขภาพที่ดีของทารกมีดังนี้

1.ให้นมลูกอย่างน้อย 6 เดือน นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกและให้สารอาหารทั้งหมดที่ต้องการ

2.เริ่มเป็นของแข็งเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน เมื่อคุณเริ่มทานอาหารแข็ง ให้ให้อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงแก่ลูกน้อย เช่น เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา และซีเรียลเสริมธาตุเหล็ก

3.ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกน้อยของคุณนอนหลับเพียงพอ ทารกต้องการนอนประมาณ 14-17 ชั่วโมงต่อวัน

4.รักษาสภาพแวดล้อมของลูกน้อยให้สะอาด ล้างมือบ่อยๆ และทำความสะอาดของเล่นและขวดนมของลูกน้อยเป็นประจำ

5.พาลูกน้อยของคุณไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ นี่เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าลูกน้อยของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและพัฒนาอย่างเหมาะสม

6.รับวัคซีนตามกำหนดเวลาที่แนะนำ วัคซีนปกป้องลูกน้อยของคุณจากโรคร้ายแรง

7.พูดคุยกับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับข้อกังวลใด ๆ ที่คุณมีเกี่ยวกับสุขภาพของทารก พวกเขาสามารถช่วยให้ลูกน้อยของคุณแข็งแรงและมีความสุข

เคล็ดลับเพิ่มเติมการดูแลเอาใจใส่ของแม่ที่มีต่อเด็กทารก

-ให้ของเหลวแก่ลูกน้อยของคุณมากมาย น้ำเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่คุณสามารถให้นมแม่หรือนมผงแก่พวกเขาได้เช่นกัน

-หลีกเลี่ยงการให้เครื่องดื่มที่มีรสหวานแก่ลูกน้อย เช่น น้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ เครื่องดื่มเหล่านี้อาจทำให้ฟันผุและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้

-อย่าปล่อยให้ลูกน้อยของคุณร้อนหรือเย็นเกินไป แต่งตัวเป็นชั้นๆ เพื่อให้คุณสามารถปรับเสื้อผ้าได้ตามต้องการ

-ดูแลลูกน้อยของคุณให้ปลอดภัยจากการหกล้มและการบาดเจ็บอื่นๆ วางประตูไว้ที่ด้านบนและด้านล่างของบันไดและดูแลลูกน้อยของคุณอยู่เสมอ

คุณสามารถช่วยให้ลูกน้อยของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขได้โดยการเอาใจใส่ดูแล ปฏิตามข้อความที่กล่าวมาข้างต้น

เคล็ดลับดูแลร่างกายในวัยทำงาน เพื่อรากฐานสุขภาพในอนาคต

เคล็ดลับดูแลร่างกายในวัยทำงาน เพื่อรากฐานสุขภาพในอนาคต

วัยทำงานเป็นช่วงเวลาที่ใช้ทั้งร่างกายและจิตใจมากที่สุด เพราะต้องคอยรับมือทั้งกับงานและคนที่มักจะนำปัญหาต่าง ๆ เข้ามาให้แก้ไข การทุ่มเททั้งตัวและใจในการทำงานเป็นเรื่องที่ดี แต่การฝืนตัวเองจนนำไปสู่อาการเจ็บป่วยหรือโรคที่เกิดจากการทำงานเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้นต้องหมั่นดูแลตัวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถทำได้ทุกวันด้วยวิธีการเหล่านี้

  1. ทานอาหารให้ตรงเวลา

คนทำงานมักมีภาระหน้าที่แทรกเข้ามาจนอาจทำให้ต้องทานอาหารไม่ตรงเวลาอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย เพราะการทำพฤติกรรมแบบนี้ซ้ำ ๆ อาจจะนำไปสู่โรคกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นควรกำหนดเวลาทานอาหารอย่างจริงจัง อย่าอดอาหาร และควรทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นประจำด้วย

  1. อย่าอดนอนทำงาน

หลายคนชอบแบกงานค้างมาทำที่บ้าน เมื่อทำงานไปนาน ๆ รู้ตัวอีกทีเวลากลับผ่านไปทั้งคืนแล้ว วัยทำงานเป็นวัยที่มีความเสี่ยงในการอดนอนสูง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย เพราะการอดนอนเป็นสาเหตุของโรคความดัน โรคหัวใจ แถมยังมีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันอีกต่างหาก ดังนั้นวัยทำงานควรนอนให้ได้วันละ 7-9 ชั่วโมง และควรฝึกเข้านอนให้เป็นเวลา จนร่างกายจดจำเป็นนิสัย จะได้รู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่เริ่มวันใหม่ในตอนเช้า

  1. ปาร์ตี้แบบพอดี ๆ

การไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานในโอกาสต่าง ๆ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในสังคมของวัยทำงาน ยิ่งทำงานเครียดยิ่งอยากปลดปล่อย แต่การปาร์ตี้บ่อย ๆ อาจจะทำให้ต้องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปด้วย ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสมองเสื่อม ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ไม่สมบูรณ์ แถมยังส่งผลต่อวงจรการนอนโดยตรง นอกจากนั้นถ้าเมาแล้วต้องขับรถกลับบ้านยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

  1. อย่านั่งแช่หน้าคอมนาน ๆ

การทำงานติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง คนทำงานมีโอกาสที่จะเผลอนั่งท่าเดิมเป็นเวลานานเกินไป จนทำให้มีอาการเจ็บปวดที่คอ บ่า ไหล่ นอกจากนั้นยังเป็นการใช้สายตามากเกินควร สิ่งนี้เป็นสาเหตุหลักของการเกิดออฟฟิศซินโดรมโดยตรง ดังนั้นควรหมั่นลุกไปยืดเส้นยืดสายทุก 20 นาที และปรับสถานที่ทำงานให้เหมาะกับระยะสายตาและความสูงด้วย

  1. ทำงานแบบไม่เครียด

ความเครียดและความกดดันไม่ได้ช่วยให้คุณภาพของงานดีขึ้น มีแต่จะบั่นทอนสุขภาพของคนเท่างานไปเปล่า ๆ ดังนั้นควรทำงานอย่างเต็มที่แต่ไม่กดดัน และอย่าลืมหาโอกาสในการผ่อนคลาย อาจจะด้วยการไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ หรือหางานอดิเรกทำหลังเลิกงาน นอกจากนั้นการใช้เวลากับคนที่รักหรือสัตว์เลี้ยงเป็นอีกทางในการดูแลสุขภาพจิตได้เป็นอย่างดี

หลักการดูแลสุขภาพของวัยทำงานที่นำมาแนะนำในวันนี้เป็นพื้นฐานวิธีการดูแลตัวเองที่นำไปสู่การมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน อย่าลืมว่าเมื่อคุณเกษียณงานจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของคุณอีกต่อไป แต่สุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งที่จะอยู่กับคุณไปจนท้ายที่สุด ดังนั้นต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพมาเป็นอันดับหนึ่งจึงจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างยาวนาน

ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงด้วย ไทชิ กีฬาสำหรับผู้สูงอายุ

ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงด้วย ไทชิ กีฬาสำหรับผู้สูงอายุ

มีคนจำนวนมากที่เมื่อเข้าอยู่วัยสูงอายุ แล้วก็ลดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและการเล่นกีฬาลง ซึ่ง พฤติกรรมเช่นนี้จะไม่เกิดผลดี เพราะการออกกำลังกายสำคัญสำหรับผู้สูงวัย ไม่ต่างกับในวัยเด็ก เนื่องจากประโยชน์หลัก ๆ ของกีฬาคือ ช่วยรักษาความแข็งแรงของร่างกาย โดยอาศัยการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ ทำให้เกิดความฟิตและทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุซึ่งกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตน้อยลง ทั้งในเรื่องของการเกษียณอายุจากการงาน และความถดถอยของสุขภาพ การละเว้นกิจกรรมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ จะยิ่งนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพต่าง ๆ มากมาย และก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นก่อนวัยอันควรอีกด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะเข้าสู่ช่วงสูงวัย คุณก็ควรจะต้องกระตือรือร้น และพยายามเล่นกีฬาอย่างน้อย หนึ่ง หรือสองอย่าง เพื่อคงความกระฉับกระเฉงและสุขภาพที่ดีเอาไว้ให้นานที่สุด

ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงด้วย ไทชิ กีฬาสำหรับผู้สูงอายุ

มีกีฬามากมายที่เหมาะกับผู้สูงวัยและช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งในบทความนี้เราจะขอนำเสนอ ไทชิ

ไทชิคืออะไร

ไทชิ เป็น กีฬาในกลุ่มศิลปะการต่อสู้ของจีนซึ่งมีมานานหลายศตวรรษแล้ว ไทชิซึ่งไม่เน้นการแข่งขัน แต่เน้นประโยชน์โดยรวมของการออกกำลังกายเบา ๆ รวมทั้งการยืดกล้ามเนื้อ ผสานเข้ากับการกำหนดสติและสมาธิผ่านการกำหนดลมหายใจเข้าออก โดยมีท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลอย่างช้า ๆ บางคนก็เรียกว่าเป็นท่าออกกำลังกายแบบสโลโมชั่น พร้อม ๆ กับการฝึกการหายใจเข้าออก โดยมีท่ามาตรฐานต่างๆ อย่างเช่น ท่าพลังงานสู่ท้องฟ้า ท่าคันธนู ท่าสวรรค์และโลก เป็นต้น

ไทชิมีประโยชน์อย่างไร

เนื่องจากไทชิจะช่วยปรับปรุงความสมดุลของร่างกาย รวมทั้งช่วยในด้านการฝึกหายใจ ดังนั้นประโยชน์หลักลำดับแรกของไทชิ ก็คือ ช่วยป้องกันการหกล้มในผู้ที่สูงอายุ ช่วยลดอาการปวดจากภาวะข้อเข่าเสื่อม รวมทั้งช่วยลดอาการปวดหลังส่วนล่างได้ค่อนข้างดี นอกจากนั้น ไทชิ ยังมีผลทางอ้อมในเรื่องของการช่วยปรับปรุงสุขภาพจิตโดยรวม เพราะไทชิจะทำให้ผู้สูงวัยตื่นตัว กระฉับกระเฉงมากขึ้น ไทชิจึงช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้า ผู้สูงวัยจึงมีสุขภาพจิตที่แจ่มใสมากขึ้น นอกจากนั้นการออกกำลังกายยังช่วยลดภาวะซึมเศร้าและช่วยทำให้ผู้สูงวัยนอนหลับได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ไทชิ เป็นกิจกรรมที่มีผลกระทบน้อย และเป็นการเคลื่อนไหวที่อ่อนโยน ไม่จําเป็นต้องใช้อุปกรณ์มากมายราคาแพง ดังนั้นผู้สูงวัยก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างง่าย ๆ เมื่อกล้ามเนื้อผ่อนคลาย ข้อต่อยืดหยุ่น สุขภาพร่างกายก็จะดีขึ้น เกิดความแข็งแรงของร่างกายมากขึ้น ช่วยลดระดับความเครียดอีกด้วย ไทชิ จึงเป็นกีฬาที่เหมาะกับผู้สูงวัยอย่างยิ่ง ลองเริ่มต้นหัดไทชิด้วยท่าพื้นฐานอย่างง่าย ๆ แล้วคุณจะเห็นว่า สุขภาพของคุณดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจได้จริง ๆ

เคล็ดลับสุขภาพแข็งแรง ของคนวัยเกษียณอายุ

เคล็บลับสุขภาพแข็งแรง ของคนวัยเกษียณ

1.เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ

 ออกกำลังกายเป็นประจำหรือทำกิจกรรมที่เหมาะสมกับระดับความฟิตและความสนใจของคุณ กิจกรรมต่างๆ เช่น การเดิน ว่ายน้ำ โยคะ หรือไทชิสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดโดยรวม

2.รักษาสมดุลของอาหาร

เน้นการบริโภคผลไม้ ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด โปรตีนไม่ติดมัน และไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จำกัดอาหารแปรรูป ขนมหวาน และเกลือที่มากเกินไป การให้ความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอยังมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย

3.รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

 นัดหมายกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเป็นประจำเพื่อตรวจคัดกรอง ฉีดวัคซีน และติดตามสภาวะสุขภาพที่มีอยู่ การตรวจพบและการรักษาแต่เนิ่นๆ มักจะสามารถป้องกันหรือจัดการปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้

4.มีส่วนร่วมกับสังคมอยู่เสมอ

การรักษาสายสัมพันธ์ทางสังคมอาจส่งผลดีต่อสภาพจิตใจและอารมณ์ที่ดี เข้าร่วมชมรม อาสาสมัคร มีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชน หรือใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูง ความเหงาและการแยกตัวทางสังคมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น การติดต่อสื่อสารจึงเป็นเรื่องสำคัญ

5.จัดลำดับความสำคัญของสุขภาพจิต

 การเกษียณอายุอาจนำมาซึ่งความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ หาเวลาทำกิจกรรมดูแลตัวเองที่ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี เช่น การทำสมาธิ ฝึกสติ ทำงานอดิเรก หรือใฝ่หาการเรียนรู้ตลอดชีวิต ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหากคุณรู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือกังวลเรื่องสุขภาพจิตอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

6.นอนหลับอย่างมีคุณภาพ

ตั้งเป้านอนหลับอย่างมีคุณภาพให้ได้ 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน สร้างกิจวัตรการนอนหลับให้เป็นปกติ สร้างสภาพแวดล้อมการนอนหลับที่สบาย และจำกัดสิ่งกระตุ้น เช่น คาเฟอีนก่อนนอน การนอนหลับที่ดีนั้นจำเป็นต่อสุขภาพโดยรวม ความรู้ความเข้าใจ และระดับพลังงาน

7.ฝึกฝนการจัดการกับความเครียด

 ค้นหาวิธีที่ดีต่อสุขภาพในการจัดการกับความเครียด เช่น ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย ฝึกหายใจลึกๆ หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทำให้เกิดความสุขและความสงบ ความเครียดเรื้อรังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ

8.ปกป้องผิวของคุณ

 เมื่ออายุมากขึ้น ผิวของคุณจะไวต่อการทำลายจากแสงแดดมากขึ้น ทาครีมกันแดดเป็นประจำ สวมชุดป้องกันและหาที่ร่มในช่วงเวลาที่มีแดดจัดเพื่อลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังและริ้วรอยก่อนวัย

9.ทำจิตใจให้ตื่นอยู่เสมอ

 มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่กระตุ้นสมองของคุณ เช่น อ่านหนังสือ ไขปริศนา เล่นเครื่องดนตรี หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ การรักษาความคิดของคุณให้กระฉับกระเฉงสามารถช่วยรักษาการทำงานของการรับรู้และลดความเสี่ยงของการลดลงของความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับอายุ

10.ฟังร่างกายของคุณ

ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงหรืออาการที่ร่างกายของคุณอาจประสบ สิ่งสำคัญคือต้องจัดการทันทีและขอคำแนะนำทางการแพทย์หากจำเป็น การตรวจสอบตนเองอย่างสม่ำเสมอและการรับรู้ถึงสัญญาณของร่างกายสามารถนำไปสู่การตรวจหาและป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

โปรดจำไว้ว่านี่เป็นคำแนะนำทั่วไป และขอแนะนำให้ปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณเสมอ เพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคลตามความต้องการด้านสุขภาพและประวัติทางการแพทย์ของคุณ

สาย healthy ฟังทางนี้ 8 เมนูเพื่อสุขภาพรสเเซ่บ

สาย healthy ฟังทางนี้ 8 เมนูเพื่อสุขภาพรสเเซ่บ

หากพูดถึงการรักษาหุ่นหรือลดน้ำหนักการอดอาหารไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไป เพราะหากทำเช่นนั้นร่างกายจะขาดสารอาหารและเกิดเอฟเฟกต์ได้ทีหลังหรือหิวมากขึ้นที่เรียกว่า “ตะบะแตก” แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ทำลายความตั้งใจทั้งหมดตั้งแต่ต้น ฉะนั้นคนสมัยนี้จึงเลือกทานมากขึ้น โดยจะต้องเป็นเมนูที่แคลอรี่ต่ำ โซเดียมต่ำและ low sugar ฉะนั้นวันนี้ทางเราจึงขอนำเสนอทางเลือกในการรักษาหุ่นจาก 8 เมนูเพื่อสุขภาพแต่รสแซ่บ ดังนี้

1.อกไก่พริกไทยดำ เป็นเนื้อส่วนของไก่ที่สายคลีนและสาย healthy เลือกทาน เพราะไขมันต่ำ โปรตีนสูง เสริมสร้างกล้ามเนื้อ หากทานแนะนำว่าให้โรยเกลือและพริกไทยดำเล็กน้อย สามารถทานคู่กับสลัดได้ 

2.ต้มยำกุ้งน้ำใส หลายคนที่เข้าคอร์สลดน้ำหนักคงเบื่อการทานอาหารรสจืดชืด ฉะนั้นเมนูที่จะมาเพิ่มความแซ่บให้คุณ แต่ยังคงรักษาแคลอรี่ได้ดีคือ ต้มยำกุ้งน้ำใส เลือกใส่ผักที่มีประโยชน์ควบคู่ไปด้วยและทานกุ้งในปริมาณที่เหมาะสม

3.ส้มตำ เป็นเมนูที่แซ่บที่สุดและเหมาะกับสายคลีนหากไม่ปรุงรสจัดเกินไป ทุกอย่างที่คลุกเคล้ากันจะต้องมาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป มิเช่นนั้นอาจทำให้คุณบวมได้ เพราะโซเดียมในเมนูนี้สูง ควรลดหากอยากหุ่นสวยแต่ได้ทานอะไรแซ่บ ๆ 

4.สเต็กปลาแซลมอน เมนูยอดฮิตที่สาย healthy จะขาดไม่ได้เลย เพราะในเนื้อปลาแซลมอนมีไขมันดี โปรตีน โอเมก้า 3 ซึ่งเมนูนี้มีความอร่อยในตัวอยู่แล้ว แทบไม่ต้องปรุงอะไรมากเลย ที่สำคัญมีประโยชน์มากทีเดียวและดีต่อสุขภาพ

5.สลัดโรล ไม่เพียงสาย healthy เท่านั้นที่ชื่นชอบ คนทั่วไปก็ชอบทานมากทีเดียว  เพราะมีรสชาติถูกปากและแคลอรี่ต่ำ แต่หากจะทานเพื่อสุขภาพจริง ๆ อาจจะเลือกน้ำสลัดไขมันต่ำจะดีมาก 

6.อกไก่ผัดผักรวมมิตร ใครที่กำลังควบคุมอาหารหรือน้ำหนัก เมนูเหมาะมากทีเดียว ได้ประโยชน์เยอะแยะมากมาย ในส่วนของผักที่นำมาผัดสามารถเลือกได้ตามใจชอบ แนะนำว่าควรเป็นผักที่มีวิตามินสูงและผักที่ควรเลี่ยงคือที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูง

7.เห็ดผัดกุ้งน้ำมันหอย บอกเลยว่าเมนูนี้ต้องถูกใจคนรักสุขภาพอย่างแน่นอน เพราะในเห็ดเป็นแหล่งโปรตีนแคลอรี่ต่ำและมีสารอาหารมากมาย ถือว่าเป็นเมนูที่ตอบโจทย์สาย healthy และอิ่มท้องมากทีเดียว

8.สลัดอกไก่ฉีก เป็นเมนูสุดท้ายที่โดนใจคนที่กำลังไดเอทมากทีเดียว ในเนื้อไก่ไม่เพียงมีไขมันต่ำ โปรตีนสูงเท่านั้น ผักที่นำมาทานคู่กันยังให้ประโยชน์มากมาย อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกชนิดในมาทานคู่กันเท่านั้น 

จากเมนูทั้งหมดที่เรานำเสนอจะเห็นว่านอกจากจะไข่มันต่ำแล้ว คาร์โบไฮเดรตหรือแป้งต้องมีปริมาณน้อยมาก ๆ เพราะถือเป็นสารอาหารที่ทำให้เกิดไขมันส่วนเกิน อย่างไรก็ตามเพื่อให้การลดหุ่นเกิดผลดีจะต้องควบคุมอาหารให้ได้ เลือกทานแต่ที่มีประโยชน์เท่านั้นและออกกำลังกายควบคู่

สายเฮลท์ตี้ต้องรู้ ดื่มน้ำเวลาไหนได้ประโยชน์มากที่สุด

สายเฮลท์ตี้ต้องรู้ ดื่มน้ำเวลาไหนได้ประโยชน์มากที่สุด

น้ำคือสิ่งที่จำเป็นต่อสุขภาพ นั่นคือสิ่งที่เราทุกคนรู้อยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะชอบดื่มน้ำธรรมดา หรือชาน้ำเขียวอุ่นๆ ที่สำคัญก็คือคุณจะต้องแน่ใจว่า ในแต่ละวันนั้นคุณดื่มน้ำเพียงพอ สายเฮลตี้ทั้งหลายต่างก็ให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำ เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเราต้องการน้ำ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อระบบการย่อยอาหาร น้ำเป็นองค์ประกอบหลักในเลือด และที่สำคัญน้ำจะช่วยให้สมองของคุณทำงานได้อย่างปกติ

ดื่มน้ำเวลาไหนร่างกายจะได้ประโยชน์มากที่สุด 

งานวิจัยในด้านการแพทย์ แนะนำให้สำหรับเพศชายนั้นควรจะได้รับของเหลวรวมทั้งน้ำ อย่างน้อย 13 แก้วต่อวัน ส่วนเพศหญิง 8 แก้วขึ้นไปต่อวัน จึงจะเหมาะสมและเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ตัวเลขนี้ก็อาจจะยืดหยุ่นขึ้นลงได้ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในแต่ละวันของคุณด้วย เช่น หากคุณเป็นหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร คุณก็ต้องเพิ่มปริมาณน้ำที่ควรจะได้รับในแต่ละวันให้มากขึ้น และสำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งคุณควรจะดื่มน้ำเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในแต่ละวันนั้น เป็นอย่างไรมาดูกันเลย

1. ช่วงเวลาหลังตื่นนอนใหม่ ๆ 

เนื่องจากในช่วงที่คุณนอนหลับ ร่างกายไม่ได้รับน้ำเป็นเวลานาน ดังนั้นการที่คุณดื่มน้ำอุ่นๆ สัก 2 ถ้วยในตอนนี้ จะทำให้ร่างกายของคุณสดชื่นขึ้นในทันที

2. ก่อนมื้ออาหาร

การดื่มน้ำสัก 1 แก้วก่อนมื้ออาหารจ ะช่วยลดความหิวลงได้ น้ำที่คุณดื่มเข้าไปจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้มากขึ้น ทำให้คุณลดการบริโภคที่เกินกว่าจำเป็นได้อีกด้วย แต่เทคนิคการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร ก็คือ คุณควรจะดื่มน้ำอุ่นๆ เพราะจะช่วยให้ระบบการย่อยดีขึ้น

3. ดื่มน้ำหลังมื้ออาหาร

การดื่มน้ำหลังมื้ออาหารจะช่วยส่งเสริมกระบวนการย่อยอาหาร น้ำจะช่วยล้างช่องปากและหลอดอาหาร รวมทั้งช่วยให้อาหารเคลื่อนไปในระบบการย่อยผ่านกระเพาะและลำไส้ได้ดี โดยเฉพาะหากคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง การจับตัวของไฟเบอร์กับน้ำ จะทำให้ระบบการขับถ่ายของคุณเป็นไปโดยปกติมากยิ่งขึ้น

4. ดื่มน้ำสัก 2 แก้วในช่วงบ่ายแก่ ๆ

เป็นธรรมดาอยู่เองที่ในช่วงเวลาบ่าย ผู้คนมักจะรู้สึกง่วงงุนขาดความกระปรี้กระเปร่า สาเหตุที่แท้จริงนั้นมาจากภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอากาศร้อนอบอ้าว ซึ่งคนบางคนเลือกที่จะดื่มกาแฟ ข้อดี ก็คือ กาแฟก็ถือว่าเป็นของเหลวเหมือนกัน แต่หากคุณลองแปลี่ยนมาดื่มน้ำอุ่นๆซัก 2 แก้วแทน  คุณจะรู้สึกว่า คุณได้รับความสดชื่นขึ้นอย่างทันทีทันใด แถมยังช่วยลดการบริโภคคาเฟอีนอีกด้วย

การปรับนิสัยการดื่มน้ำเหล่านี้ อาจจะเป็นเรื่องท้าทาย เพราะเราจะเคยชินกับนิสัยเดิม ๆ แต่เชื่อว่าหากคุณมุ่งมั่น ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไป ลองเก็บขวดน้ำไว้ใกล้ ๆ ตัว บนโต๊ะทำงาน ข้างเตียงนอน ก็จะทำให้ง่ายต่อการที่คุณจะหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม สุขภาพดีนั้นเริ่มต้นไม่ยาก เพียงแค่ดื่มน้ำให้ถูกต้องและเพียงพอ แล้วคุณก็จะเป็นคนที่สตรองและเฮลตี้ในที่สุด