Month: เมษายน 2020

โรคที่ต้องระวังในฤดูร้อน 2020

โรคที่ต้องระวังในฤดูร้อน 2020

โรคที่มากับฤดูร้อนในปี 2020 มีหลายชนิดที่ควรทบทวนเพื่อรู้จักโรคและดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นโรคที่มาจากอาหาร และปัจจุบันยังมีเชื้อชนิดร้ายอย่างโควิด-19 ที่ต้องระวังด้วย มาอ่านรายละเอียดพร้อมกันเลย

1. โรคอุจจาระร่วง
ภาวะอุจจาระร่วงมักจะเกิดจากการรับประทานอาหารที่ถูกแมลงวันตอม ซึ่งมักระบาดในช่วงฤดูร้อน นอกจากนี้ยังรวมถึงอาหารที่บูดเสียง่ายเนื่องจากสภาพอากาศ ทำให้มีการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่ปะปนในอาหารเข้าไปในร่างกาย เกิดการติดเชื้อภายในระบบลำไส้ แล้วแสดงอาการออกมาเป็นการถ่ายอุจจาระที่เหลวกว่าปกติ ถึงขั้นขาดสมดุลน้ำและเกลือแร่ จนเกิดอาการช็อคได้

2. ภาวะอาหารเป็นพิษ
มาจากอาหารที่ปรุงไม่สุกดี ทำให้มีเชื้อปรสิตต่าง ๆ ปนเปื้อนได้ โดยอาหารที่มีความเสี่ยงสูงเป็นกลุ่มอาหารทะเล เช่น การรับประทาน กุ้ง กั้ง ปู หอย ดอง ที่มีโอกาสสะสมเชื้อได้มากในฤดูร้อน รวมถึงการหยิบจับอาหารขณะมือสกปรก จะทำให้เสี่ยงต่อภาวะเป็นพิษง่าย จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลวมากกว่าปกติ ฯลฯ หากมีการติดเชื้อลุกลามไปที่อวัยวะอื่น เช่น ไต สมองหัวใจ ปอด ฯลฯ ก็จะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมาก และหากรักษาไม่ทันการณ์ก็ทำให้เสียชีวิตได้ด้วย

3. โรคบิด
โรคบิดเกิดจากการบริโภคผักดิบหรือผักสดที่ล้างไม่สะอาดเพียงพอ นอกจากนี้ยังมาจากน้ำดื่มที่ไม่ผ่านการต้มเดือดนานพอ ทำให้มีอาการปวดท้องอย่างมาก ถ่ายอุจจาระบ่อย และสังเกตลักษณะของมูกเลือดปนออกมากับอุจจาระซึ่งมีกลิ่นเหม็นคาวมากด้วย

4. โรคพิษสุนัขบ้า
เกิดจากการถูกสัตว์ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกัดหรือข่วนจนเป็นแผลตามร่างกาย จะทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดและเสียชีวิตได้ ซึ่งในฤดูร้อนของทุกปี เชื้อพิษสุนัขบ้าจะระบาด ดังนั้น เมื่อถูกสัตว์ที่ต้องสงสัยกัด ต้องรีบล้างแผล และรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

5. โรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส
ปัจจุบัน เชื้อโควิด-19 กำลังระบาดอยู่ทั่วโลก ซึ่งในช่วงฤดูร้อนนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะควบคุมเชื้อโรคได้ ดังนั้นต้องหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในแหล่งชุมชน เชื้อนี้สามารถติดบนเสื้อผ้าภาชนะของใช้และยังมีชีวิตอยู่ต่อได้หลายชั่วโมง ต้องหมั่นเช็ดถูทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ด้วยแอลกอฮอล์ และสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเวลาออกไปในพื้นที่สาธารณะ

จะเห็นได้ว่า โรคที่มากับฤดูร้อนมีอยู่หลายชนิดซึ่งเป็นอันตรายมากน้อยตามชนิดเชื้อและความแข็งแรงร่างกายของแต่ละบุคคล แต่กลุ่มคนที่ต้องระวังมาก คือ เด็กและผู้สูงอายุ ที่มีภูมิต้านทานน้อย ทั้งนี้ ก็ควรติดตามข่าวสารต่าง ๆ เพื่อการระวังโรคอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ต่อไป

หลักการดูแลผู้สูงอายุในบ้านให้ห่างไกลจากไวรัส COVID-19

การดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ

COVID-19 เป็นเชื้อไวรัสชนิดร้ายแรงที่ยังหาทางรักษาได้ยาก เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ส่งผลทำลายเนื้อปอด ทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ง่าย โดยเฉพาะหากติดเชื้อในผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี ที่มักมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน ไขมันสูง เบาหวาน ซึ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอ และมีความเสื่อมถอยของร่างกายอยู่แล้วด้วย ก็จะยิ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ต้องช่วยกันป้องกันให้ห่างไกลจากโรคนี้

องค์การอนามัยโลกได้แนะนำอย่างไรสำหรับการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ

ต้องล้างมือบ่อย ๆ : การล้างมือที่ดีต้องล้างตามซอกนิ้ว ข้อมือ จนมาถึงข้อศอกด้วยน้ำสบู่นานต่อเนื่อง 20 วินาทีหรือเท่ากับการร้องเพลง Happy Birthday 2 รอบต่อกัน ก่อนที่จะล้างอีกครั้งด้วยน้ำสะอาดในเวลา 20 วินาทีเช่นกัน หลักการนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการลดปริมาณของเชื้อที่อยู่บนร่างกาย แต่หากอยู่ในระหว่างการเดินทางนอกสถานที่ก็สามารถใช้เจลแอลกอฮอล์แทนได้

หลีกเลี่ยงการใช้มือเปล่าไปสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ : ไม่ว่าในพื้นที่สาธารณะ หรือเหรียญเงิน ธนบัตร เพราะอาจจะได้รับอนุภาคไวรัสจากผู้ป่วยที่ยังตกค้างอยู่หลังจากการแพร่กระจายออกจากร่างกายได้หลายชั่วโมง ซึ่งเมื่อมือที่มีการติดเชื้อไปหยิบจับอาหารรับประทานเข้าปาก หรือเอามือไปลูบหน้าลูบตา ก็จะทำให้เกิดการติดต่อของเชื้อนี้ได้

งดการพาผู้สูงอายุไปออกกำลังกายในที่สาธารณะ : ในระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่ประกาศเป็นช่วงเฝ้าระวัง ขอให้งดการรวมตัวกันในที่ที่มีคนเยอะเป็นการชั่วคราว เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า วัด สถานที่ท่องเที่ยว ตลาดนัด ฯลฯ เพราะเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อทั้งจากคนไทยด้วยกันเอง และชาวต่างชาติที่อาจมีเชื้อนี้อยู่ในร่างกายได้

ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ให้บ่อยขึ้น : ทั้งเสื้อผ้า จานชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ ไม้เท้า ฯลฯ ล้วนต้องเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด ด้วยการเช็ดแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป หรือการใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน

หลีกเลี่ยงการใช้บริการรถเมล์ เรือ รถตู้ รถไฟฟ้า ฯลฯ : เพราะเป็นยานพาหนะที่มีคนจำนวนมากหมุนเวียนกันใช้ อาจจะทำให้เกิดการได้รับเชื้อเข้าไปโดยบังเอิญได้

หากมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้ยาจากโรงพยาบาล : ควรติดต่อโรงพยาบาลว่า สามารถหาซื้อยาเหล่านั้นที่ร้านขายยาแทนชั่วคราวได้หรือไม่ หรือให้ทางโรงพยาบาลจัดยาเดิมและส่งทางไปรษณีย์มาที่บ้านแทน เพื่อลดความเสี่ยงได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล

ญาติต้องหมั่นพูดคุยกับผู้สูงอายุ : เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคนี้ และป้องกันไม่ให้มีปัญหาสุขภาพจิตจากความเครียด ที่ผู้สูงอายุไม่สามารถเดินทางไปไหนหรือพบปะเพื่อนฝูงได้อย่างเคย ทั้งยังอาจมีความเครียดจากข่าวสารที่ได้รับรอบตัวด้วย

การระบาดของเชื้อ COVID-19 เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องไม่นิ่งนอนใจและไม่ควรประมาทในการดูแลทั้งสุขภาพตัวเองและผู้สูงอายุในครอบครัว พร้อมกันนั้น ก็ควรติดตามข่าวสารจากรัฐบาลเพื่อการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องตามสถานการณ์ต่อไป

หลักการดูแลผู้สูงอายุในบ้านให้ห่างไกลจากไวรัส COVID-19

เหตุผลที่สุขภาพนำพาความสำเร็จทางด้านการเงิน

เหตุผลที่สุขภาพนำพาความสำเร็จทางด้านการเงิน

สุขภาพกับเงิน หากเลือกได้คุณคิดว่าคนส่วนใหญ่จะเลือกอะไรก่อน แน่นอนผู้คนมักจะเลือกเงินเพราะได้เข้าใจว่าเงินสามารถนำพาในสิ่งที่ต้องการได้ทุกอย่างจนลืมไปว่าสุขภาพต่างหากที่นำพาความสำเร็จทางด้านการเงิน ทำให้มหาเศรษฐีหรือนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของอาลีบาบา ชื่อว่า แจ๊ค หม่า มีการกล่าวไว้ว่า คนกับลิงมีความแตกต่างกันเพราะถ้าได้วางเงินกับกล้วย ลิงจะเลือกกล้วยก่อนเพราะลิงไม่ทราบว่าเงินเป็นวัตถุที่สามารถแลกไปซื้อกล้วยอย่างมากมาย การที่ได้กล่าวไว้เพื่อให้เห็นว่าลิงยังเลือกสุขภาพก่อนสิ่งอื่น ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาบอกเหตุผลทำไมสุขภาพจึงนำพาความสำเร็จทางด้านการเงิน ซึ่งมีอะไรบ้าง มาดูกัน

ทำไมสุขภาพจึงนำพาความสำเร็จด้านการเงิน

สร้างรายได้กลับคืนมาใหม่ได้ตลอด

การแพทย์ได้มีความเชื่อว่า หากมีการดูแลสุขภาพอย่างดีอยู่แล้ว เมื่อไหร่ที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินไม่ว่าจะเป็นสาเหตุอะไรก็ตาม แล้วทำให้เงินที่มีอยู่ได้หมดไป แต่เรื่องเงินหมดไม่ใช่ประเด็นของปัญหา ถ้ามีร่างกายที่แข็งแรงเพราะสามารถหารายได้กลับคืนมาได้ตลอด ในทางตรงข้าม หากมีเงินหมื่นล้าน พันล้านหรือแสนล้านหรือมีสมบัติอย่างมากมาย หากป่วยถึงขั้นนั่งรถเข็นหรือเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่ว่าจะใช้จ่ายอะไรก็ไม่มีความสุขและยังไม่สามารถซื้อสุขภาพที่ดีกลับมาได้ แสดงให้เห็นว่า สุขภาพที่ดีแพงกว่าเงิน

ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพบแพทย์

สุขภาพนำความมั่งคั่งหรือที่เรียกว่า “Health Brings Wealth” คล้ายกับการลงทุนทำธุรกิจซึ่งจะต้องมีการเติมต้นทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ต้นทุนเหล่านี้ป้องกันการเกิดสัญญาณป่วยหรือถึงขั้นต้องมีคนนำส่งโรงพยาบาลจนต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง กระทบต่อความสำเร็จทางด้านการเงิน ทางที่ดีควรสำรวจตัวเองเป็นประจำหรือ Detect ว่าสุขภาพร่างกายมีจุดบกพร่องตรงไหน ไม่ว่าจะเป็น ผมร่วง ตาไม่ชัด ปวดศีรษะบ่อย ประจำเดือนมาไปไม่ปกติ สิวขึ้น อ้วน หรืออื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าถึงหรือศึกษาการดูแลสุขภาพได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องไปหอสมุดแห่งชาติ ห้องสมุดโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยแล้ว เพียงค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้นเอง แต่ก็ต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนเพราะมีทั้งข้อมูลจริงและไม่จริง จากนั้นให้นำข้อมูลที่คิดว่าดีมาปรับใช้กับตัวเอง

การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะมีความสำคัญยิ่งกว่าเงินทอง นอกจากนี้ยังสามารถนำพาไปสู่ความฝันหรือเป้าหมายในทุกด้านโดยเฉพาะความสำเร็จทางด้านการเงิน ดังนั้น อย่าลืมใส่ใจสุขภาพตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอย่างสมดุล ไม่หักโหม นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อซ่อมแซมร่างกายและผ่อนคลายจิตใจ ซึ่งจะทำให้มีความพร้อมทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามที่ต้องการ

ทำไมสุขภาพจึงนำพาความสำเร็จด้านการเงิน

สัญญาณเตือน ถึงเวลาแล้วที่ต้องหันมาใส่ใจสุขภาพตัวเอง

สัญญาณเตือน ถึงเวลาแล้วที่ต้องหันมาใส่ใจสุขภาพตัวเอง

สิ่งพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนได้รับเมื่อตั้งแต่แรกเกิด คือ ร่างกายและลมหายใจ แตกต่างกันตรงที่ว่าใครจะเกิดมามีร่างกายที่สมบูรณ์หรือใครที่จะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไป แต่ไม่ว่าจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องดูแลร่างกายเพื่อการต่อยอดชีวิตในตอนที่ยังมีลมหายใจ

ด้วยเหตุนี้ เรื่องของสุขภาพจึงถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นสำคัญที่คนในปัจจุบันต่างให้ความสนใจ เพราะสุขภาพร่างกายเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถสร้างให้ได้และก็ไม่สามารถใช้เงินทองแลกมาได้เช่นกัน ดังนั้น หากไม่อยากตัดทอนลมหายใจให้หมดไปก่อนอายุขัย ก็ไม่ควรมองข้ามสัญญาณอันตรายที่คอยเตือนเรื่องสุขภาพ อันได้แก่

สัญญาณอันตราย ในสุขภาพ

ร่างกายเหนื่อยง่าย

สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสร้างได้ด้วยการออกกำลังกาย เมื่อใดที่รู้สึกว่าร่างกายไม่พร้อมสำหรับการทำกิจกรรมหรือทำอะไรได้นิดหน่อยก็รู้สึกเหนื่อย หมดแรง นั่นคือสัญญาณเตือนแล้วว่าร่างกายไม่พร้อมหรือสมบูรณ์มากเพียงพอในการทำกิจกรรมใด ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงกิจกรรมเล็ก ๆ ก็ตาม เช่น การเดิน การก้าวขึ้นบันได เป็นต้น ฉะนั้นควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อร่างกายที่แข็งแรง

อ่อนเพลีย ไม่กระปรี้กระเปร่า

จงอย่าลืมว่า ร่างกายมิใช่เครื่องจักรที่ไม่มีชีวิต หากใช้งานหนักและไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ จะส่งผลต่อสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ อย่างน้อยการให้ร่างกายได้พักผ่อนหรือฟื้นฟูสภาพตัวเองสักวันละอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เปรียบเสมือนกับการซ่อมแซมเครื่องจักรที่พร้อมจะลุกขึ้นมาเดินเครื่องอย่างเต็มกำลังในวันถัดไปนั่นเอง

จิตวิตก

คำว่า สุขภาพ มิได้หมายความแต่สภาพร่างกายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงสภาพจิตใจที่จำเป็นต้องดูแลให้ควบคุมการทำงานประสานไปกับร่างกายด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหากภาพจิตใจที่ย่ำแย่จะส่งผลต่อสุขภาพที่ย่ำแย่ตามไปด้วย ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับรู้หรือการกระทำใดที่ส่งผลด้านลบกับสภาพจิตใจ อาทิเช่น การเสพข่าวสารบนโลกโซเชียล การนินทาเจรจาว่าร้ายผู้อื่น เป็นต้น

หัวสมองไม่สั่งการ

นอกจากร่างกายและจิตใจจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรงแล้ว หัวสมองก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญในการขับเคลื่อนหรือควบคุมการทำงานเช่นกัน สุขภาพจะดีหรือแย่ จะร่วงหรือจะรุ่งก็ขึ้นอยู่กับหัวสมองและความคิดที่จะสั่งการลงไป หากอยากพัฒนาสมองให้ทำงานฉับไวอยู่ตลอดเวลาก็ต้องหาอาหารบำรุงสมองเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงหรือบำรุง เช่น ผักผลไม้ที่มีประโยชน์ วิตามิน อาหารเสริม เป็นต้น

รูปร่างเกินเกณฑ์มาตรฐาน

ถ้าจะให้พูดตามภาษาแบบชาวบ้านและเข้าใจโดยง่ายคือ โรคอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป เพราะไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมที่มากกว่าหรือน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานอายุและรูปร่าง ถือว่าเป็นบ่อเกิดโรคที่ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพที่จะตามมา เช่น อ้วนมากเกินไปอาจมีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือผอมเกินไปอาจเป็นโรคขาดแคลนสารอาหาร เป็นต้น

เรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่สามารถพึ่งพาใครหรือโทษใครได้เลย เพราะทุกอย่างที่ส่งผลต่อสุขภาพตัวเองนั้นก็ย่อมเกิดจากตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกิน การออกกำลังกาย หรือการเลือกวิธีการดำเนินชีวิต ฉะนั้น จงอย่าลืมว่าในทุกการกระทำคือผลกระทบต่อสุขภาพทั้งสิ้น

สัญญาณอันตราย ในสุขภาพ